KhuKuri knife
ทหารกรุข่า ทหารที่โหดเเละเก่งที่สุดในโลก
หนึ่งในทหารที่ชื่อเสียงดีที่สุดของโลก คือทหารกุรข่าของเนปาล ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอดทนและซื๋อสัตย์ ตลอด 200 ปีที่ผ่านมา มีแต่ทหารกุรข่าชายแต่ล่าสุด กำลังจะมีทหารกุรข่าหญิงแล้ว
คำที่ชาว โลกรู้กันดี คือ
"กรุข่าไม่เคยไว้ชีวิตเชลยในสนามรบแม้แต่คนเดียว จะฆ่าโดยการปาดคอ และ ตัดคอในที่สุด"
Khukri Blade
1. Belly (Bhundi): Widest part/area of the blade.
2. Bevel (Patti): Slope from the main body until the sharp edge.
3. Bolster (Kanjo): Thick metal/brass round shaped plate between blade and handle made to support and reinforce the fixture.
4. Butt Cap (Chapri): Thick metal/brass plate used to secure the handle to the tang.
5. Cho/Notch (Kaudi): A distintive cut (numeric 3 like shape) in the edge functioned as a blood dropper and others.
6. Edge (Dhaar): Sharp edge of the blade.
7. Fuller (Chirra): Curvature/Hump in the blade made to absorb impact and to reduce unnecessary weight.
8. Fuller/Groove (Khol): Straight groove or deep line that runs along part of the upper spine.
9. Keeper (Hira Jornu): Spade/Diamond shaped metal/brass plate used to seal the butt cap.
10. Main body (Ang): Main surface or panel of the blade.
11. Peak (Juro): Highest point of the blade.
12. Ricasso (Ghari): Blunt area between notch and bolster.
13. Rings (Harhari): Round circles in the handle.
14. Rivet (Khil): Steel or metal bolt to fasten or secure tang to the handle.
15. Spine (Beet): Thickest blunt edge of the blade.
16. Tang (Paro): Rear piece of the blade that goes through the handle
17. Tang Tail (Puchchar): Last point of the khukuri blade.
18. Tip (Toppa): Starting point of the blade.
Khukri Scabbard
1. Chape (Khothi): Pointed mettalic tip of the scabbard. Used to protect the naked tip of a scabbard.
2. Frog (Faras): Belt holder especially made of thick leather (2mm to 4mm) encircling the scabbard close towards the throat.
3. Lace (Tuna): A leather cord used to sew or attach two ends of the frog. Especially used in army types (not available in this pic).
4. Loop (Golie): Round leather room/space where a belt goes through attached/fixed to the keeper with steel rivets.
5. Lower Edge (Tallo Bhag): Belly/curvature of the scabbard.
6. Main Body (Sharir): The main body or surface of the scabbard. Generally made in semi oval shape.
7. Strap/Ridge (Bhunti): Thick raw leather encirlcing the scabbard made to create a hump to secure the frog from moving or wobbling (not available in this pic).
8. Throat (Mauri): Entrance towards the interior of the scabbard for the blade.
9. Upper Edge (Mathillo Bhaag): Spine of the scabbard where holding should be done when handling a Khukuri.
Cho - also called a kauri or kaura. a small notch in blade near handle.
"It has various meanings according to various people. A few are: the clitoris of Kali, the penis of Shiva, Surya ra Chandra (sun and moon, symbols of Nepal), a "Kowdi" ('cow-track' because the cow is sacred to the Hindus), a blood drip, a substitute guard, and on and on and on. Take your pick. The true meaning has been lost in time so today it is anybody's guess". -Bill Martino
ผู้หญิงเนปาลมากกว่า 600 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตสมาชิกกองโจรติดอาวุธของกบฏนิยมเหมา ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้ถูกกดดันให้วางอาวุธในกระบวนการสร้างสันติภาพกับรัฐบาล กำลังเข้าร่วมฝึกเข้มที่ค่ายฝึกทหารหลักของทหารกุรข่าแถบสถานตากอากาศ"โพคารา"ในเทือกเขาหิมาลัย
พวกเธอหวังจะผ่านการสอบคัดเลือกอันเข้มงวดในฤดูร้อนปีนี้ เพื่อเข้าเป็นทหารในกองทัพอังกฤษ เพราะในช่วงสองสามเดือนข้างนี้ กองทัพอังกฤษจะจะมีการรับผู้หญิงเนปาล 50 คนเข้าเป็นทหารภายใต้โครงการนำร่อง ซึ่งมีขึ้นหลังจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษ เปลี่ยนกฏหมายเกณฑ์ทหาร ให้สอดคล้องกับการไม่เลือกปฏิบัติทางเพศ
ผู้หญิงที่ได้รับเลือกไม่เพียงต้องสติปัญญาดี ร่างกายต้องฟิตด้วย เพราะในการประเมินผลซึ่งใช้เวลานาน 3 สัปดาห์ ผู้สมัครหญิงจะต้องผ่านการฝึกคัดเลือกที่โหดหินที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งต้องวิ่งขึ้นภูเขาหิมาลัยเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร โดยแบกหินหนัก 35 กิโลกรัมไว้บนหลัง..หลายคนบ่นว่าแค่หอบสังขาร วิ่งขึ้นภูเขาไกล 5 กิโลเมตรก็แทบตายแล้ว นี่ยังต้องแบกหินขึ้นไปด้วยอีกต่างหาก
สาววัย 19 ปีคนหนึ่งบอกว่า สาเหตุหลักที่อยากเข้ากองทัพอังกฤษคือเงินเดือน เพราะชาวเนปาลทั่วไปมีรายได้เฉลี่ยแค่ 1 ดอลลาร์ หรือ 35 บาทต่อวัน แต่ถ้าเธอได้เป็นทหารอังกฤษ เธอจะได้เงินมากกว่าเดิมถึง 20 เท่า เธอมองว่าในที่สุดผู้หญิงก็ได้โอกาสเท่าเทียมผู้ชาย นับเป็นช่วงประวัติศาสตร์สำหรับผู้หญิงเลยทีเดียว
กระทรวงกลาโหมอังกฤษว่าจ้างทหารกุรข่าปีละ 230 นาย และปัจจุบันมีทหารกุรข่าชาย 3,500 นายอยู่ในกองทัพอังกฤษ ซึ่งส่วนหนึ่งปฏิบัติภารกิจอยู่ที่อิรักและอาฟกานิสถาน ขณะที่ในช่วงสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง มีทหาร กุรข่าพลีชีพ 43,000 นาย และมี 26 นายได้เหรียญกล้าหาญวิคตอเรีย ครอส ซึ่งเป็นเหรียญกล้าหาญชั้นสูงสุดของอังกฤษ มากกว่าทหารหน่วยอื่นๆของอังกฤษทั้งหมด เพราะพวกเขาถือคติว่า" ตายดีกว่าอยู่อย่างขี้ขลาด" ...ข้าน้อยขอคารวะ
นักรบกรุข่าเคยรบกับอังกฤษ เเต่อังกฤษเอาชนะไม่ได้ เลยกลอมเอามาเป็นพวกเเทน เเล้วก็ได้ผล อังกฤษนิยมใช้พวกกรุข่าไปรบในเเดนอันตรายๆ เพราะพวกกรุข่าใจถึง ยอมตายดีกว่าเเพ้เพราะถือว่าเสียเกียรติ์ เเละมีเรื่องเล่าขำๆเกี่ยวกับสงครามเกาะฟอกเเลนด์(อังกฤษรบกับอาเจติน่า) ว่าตอนเเรกทหารอาเจนติน่าไม่ยอมเเพ้ พออังกฤษส่งทหารกรุข่าไป ทหารอาเจนติน่ารีบยอมเเพ้กับทหารอังกฤษกันเป็นเเถว เพราะพวกกรุข่ามีชื่อเสียงว่ารบเก่ง ไม่นิยมจับเฉลย ถ้าถูกจับได้จะต้องถูกตัดคอทุกคน(เป็นธรรมเนียมของกรุข่า)
- หลักการใช้มีดกุรข่า จะใช้มี 2 วิธี
1.ควรจับมีดให้ร่นมือมาสุดตรงปลายด้ามมีด นิ้วชี้วางกระชับตรงร่องเก็บเลือด ไม่ควรจับให้ล้ำไปทางด้านหน้าเพราะปลายด้ามจะงัดข้อมือเจ็บ.
2.เวลาฟัน ต้องระวังปลายมีดแว้งมาโดนขาหรือหัวเข่า เวลาฟัน ไม้ให้ขาด ควรวางระยะฟันปรับเฉียงนิ๊ด ควรวางปลายเท้าให้เหมาะกับต้นไม้ที่เราจะฟัน ถ้ามีต้นไม่ที่เราจะตัดอยู่ตรงหน้า ถ้าถนัดขวาให้วางเท้าซ้ายตรงกับต้นไม้ครับ เวลาฟันแล้วมีดจะไม่แว้งมามาโดนขาหรือเข่าของเรา
มีดที่ดีแค่ไหนถ้าเราไม่คุ้นเคยกับน้ำหนักของมัน พอใช้งานจริงๆ มีโอกาสพลาดได้ครับ
ผู้หญิงที่ได้รับเลือกไม่เพียงต้องสติปัญญาดี ร่างกายต้องฟิตด้วย เพราะในการประเมินผลซึ่งใช้เวลานาน 3 สัปดาห์ ผู้สมัครหญิงจะต้องผ่านการฝึกคัดเลือกที่โหดหินที่สุดแห่งหนึ่งของโลก คือดึงข้อบาร์เดี่ยว (high beam) 14 ครั้ง , กระโดดขึ้นลงม้านั่ง (bench jump) 75 ครั้งใน 1 นาที, ซิท-อัพ (sit-ups) 70 ครั้งใน 2 นาที อุดฟันไม่เกิน 2 ซี่ และมีฟันห่างหรือฟันหลอไม่เกิน 2 ตำแหน่ง ผ่านการทดสอบการมองเห็น-การได้ยิน สื่อสารภาษาอังกฤษคล่องและต้องทำข้อสอบภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ที่แสนยาก รวมทั้งต้องวิ่งขึ้นภูเขาหิมาลัยเป็นระยะทาง3ไมล์( 4.8 กิโลเมตร) โดยแบกหินหนัก 22.7กิโลกรัมไว้บนหลัง หลายคนบ่นว่าแค่หอบสังขารวิ่งขึ้นภูเขาไกล 5 กม.ก็แทบตายแล้วนี่ยังต้องแบกหินขึ้นไปด้วยอีกต่างหาก สาววัย 19 ปีคนหนึ่งบอกว่า สาเหตุหลักที่อยากเข้ากองทัพอังกฤษคือเงินเดือน เพราะชาวเนปาลทั่วไปมีรายได้เฉลี่ยแค่ 1 ดอลลาร์ หรือ 35 บาทต่อวัน แต่ถ้าเธอได้เป็นทหารอังกฤษ เธอจะได้เงินมากกว่าเดิมถึง 20 เท่า เธอมองว่าในที่สุดผู้หญิงก็ได้โอกาสเท่าเทียมผู้ชาย นับเป็นช่วงประวัติศาสตร์สำหรับผู้หญิงเลยทีเดียว ผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้เงินเดือนขั้นต้น1,000 ปอนด์ (ประมาณ53,000 บาท) ซึ่งมีการประกันว่า จะไม่ตกงาน 15 ปีพร้อมการเลื่อนขั้น ได้บำนาญ และที่สำคัญที่สุดคือ ได้พาสส์ปอร์ตเป็นคนอังกฤษ ทหารกูรข่าผู้หญิงจะได้รับการทำงานในหน่วยวิศวกรรม สื่อสาร และส่งกำลังบำรุง ไม่ต้องเป็นพลปืน
ทีนี้ทำไมทหารกูรข่าจึงกล้าหาญมากๆ นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ ผู้เขียนบทความได้ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้คล้ายทหารสวิสซึ่งเป็นนักรบรับจ้างมาก่อนเช่นกัน กลไกที่เป็นไปได้คือ
(1) ชาติที่เป็นคนภูเขามีแนวโน้มจะรบเก่ง เมื่ออังกฤษยึดพม่าได้ก็จ้างกะเหรี่ยงเป็นนักรบคล้ายๆ กัน แต่ไม่เหมือนกันกัน เพราะเป็นการจ้างเฉพาะที่ ไม่ได้ใช้รบไปทั่วโลกนาน 200 ปีแบบกูรข่า
(2) คนกูรข่ามีธรรมเนียมว่า "ตายเสียดีกว่าขี้ขลาด" ปลูกฝังมาแบบนี้หลายๆ ชั่วอายุคน ทำให้เกิดโปรแกรมฝังลึกทางวัฒนธรรมประเภท "ต้องรบ หรือไม่ก็ตาย ขายหน้าไม่ได้" และโดยปกติจะไม่ไว้ชีวิตเชลยจะสังหารด้วยการตัดคอ
(3) ประวัติที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ แม้จะรบแพ้ในAnglo-Nepalese(1814-1816)แต่ก็จบลงด้วยการทำสนธิสัญญา Sugauli(สูญเสียดินแดนไปบางส่วนแต่ก็รักษาเอกราชไว้ได้)และอังกฤษยอมรับในฝีมือจนจ้างมาเป็นทหาร ทำให้ชาวกูรข่าภาคภูมิใจ
(4) ผลตอบแทนที่ได้คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงเกียรติยศ รายได้ โอกาสในชีวิตอีกมากมาย เช่น มีโอกาสขอสัญชาติอังกฤษได้ในอนาคต ฯลฯ ผลตอบแทนนี้แรงมากเมื่อเทียบกับการอยู่ในเนปาล ซึ่งหางานทำยากมากๆ
(5) การที่กองทหารกูรข่ามาจากคนชาติพันธุ์เดียวกัน ทำให้ต้องรบเต็มที่ เพราะมีส่วนทำให้คนอื่นที่เป็นชาติพันธุ์เดียวกันรอดตาย หรือคนรุ่นต่อไปมีโอกาสหารายได้จากกองทัพอังกฤษ หรือประเทศอื่นๆ ต่อไป
(6) เดิมเนปาลมีวรรณะ สูงสุดคือพราหมณ์ รองลงไปคือกษัตริย์ โดยเฉพาะถ้าบรรพบุรุษเป็นวรรณะกษัตริย์ = นักรบแล้ว การได้เป็นทหารถือว่า มีเกียรติสมกับที่เป็นคนจากวรรณะกษัตริย์ หรือถ้ามาจากวรรณะต่ำกว่าก็เท่ากับได้เลื่อนชั้นวรรณะ โดยสมเด็จพระราชินีอังกฤษทีเดียว
รายได้เฉลี่ยต่อหัวในเนปาลอยู่ที่ 873ปอนด์/ปี = 60,495บาท/ปี = 5,041 บาท/เดือน (ข้อมูลปี2555อ้างอิงจากhttp://www.dtn.go.th/ ) เงินเดือนทหารอังกฤษเริ่มต้นที่ 17,000 ปอนด์/ปี (อ้างอิงจากhttp://www.armedforces.co.uk/armypayscales.htm)
=791,097บาท/ปี =65,924.75บาท/เดือน ซึ่งมากกว่ารายได้ชั้นดีในเนปาลประมาณ13เท่า
อาจารย์กฤษณะ กุมาร์ ปัน ทหารผ่านศึกกุรข่า เจ้าของโรงเรียนติวสอบกูรข่าในกาฏมัณฑุให้สัมภาษณ์ว่า เงินบำนาญที่ได้ (น้อยกว่าทหารอังกฤษอย่างน้อย 6 เท่า) จริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยพอใช้ เนื่องจากบำนาญไม่ได้ปรับตามภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนั้นเรื่องสำคัญคือ อะไรๆ ในอังกฤษก็ฟรี ตั้งแต่ค่าเล่าเรียนฟรี ค่ารักษาพยาบาลไม่แพง (เป็นระบบร่วมจ่าย คือ รัฐบาลจ่ายส่วนหนึ่ง คนไข้จ่ายส่วนหนึ่งสมทบกัน)
สนใจอยากได้ครับ
ตอบลบสนใจครับ
ตอบลบ