Hermes Story
- หากพูดถึงสินค้าแบรนด์หรูระดับโลกที่ได้รับความนิยมยาวนาน แน่นอนว่า HERMES ย่อมเป็นสินค้าคุณภาพยี่ห้อหนึ่งที่เหล่าผู้มีรสนิยมกระเป๋าหนังทั่วโลกต่างให้ความยอมรับมาโดยตลอด คำว่า HERMES นอกจากจะเป็นชื่อที่มาจากนามสกุลของเจ้าของแบรนด์ คือนายเทียรี่ แอร์เมส
- (Thierry Hermes) แล้ว ก็ยังหมายถึงเทพแอร์เมส ซึ่งเป็นเทพผู้นำสารของเหล่าเทพเจ้าในเทพนิยายกรีก เป็นเทพผู้นำทางไปสู่โลกใต้บาดาลและเทพแอร์เมสนี้ก็ถือเป็นเทพเจ้าแห่งการติดต่อสื่อสาร การคมนาคมต่างๆ
เนื่องจากชาวกรีกโบราณนั้นเชื่อว่า เทพแอร์เมสเป็นผู้ช่วยให้เหล่านักเดินทางมีการเดินทางที่ปลอดภัยและสะดวกราบรื่น ชาวกรีกโบราณจึงมีพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในการบูชาเทพแอร์เมสก่อนการเดินทางใดๆ เสมอ สินค้าแอร์เมสตั้งแต่ดั้งเดิมมานั้นเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง โดยนับตั้งแต่ ค.ศ. 1837 ยุคที่ชาวฝรั่งเศสยังเดินทางด้วยม้า เทียรี่ แอร์เมส (Thierry Hermes) ก็ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตอานม้าและบังเหียนม้าของเขาขึ้น ณ rue Basse du Rempart ในปารีส และบริษัทนี้ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากมาโดยตลอด.
- ในฐานะผู้นำแห่งการผลิตเครื่องใช้คุณภาพสูงสำหรับการขี่ม้าและกระเป๋าใหญ่ที่ใช้ในเดินทางด้วยรถม้าที่พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกหนังคุณภาพดีมาใช้ และการเย็บแบบ 2 เข็ม ฝีเย็บจึงแน่นและทนทาน เทคนิคเหล่านี้กลายเป็นทรัพย์สินที่แอร์เมสใช้ต่อยอดผลิตเป็นสินค้าอื่นๆ โดยนำเอาความรู้เรื่องหนังหลากหลายชนิดและเทคนิคการเย็บแบบพิเศษมาใช้สร้างมูลค่า ด้วยคุณภาพและความมีฝีมือ ในเวลาเพียงไม่กี่ปี อานม้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆของแอร์เมสก็ได้รับกลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ราชวงศ์ และชนชั้นสูงของฝรั่งเศส
- นอกจากทายาทของตระกูลแอร์เมสในรุ่นต่อๆ มา จะได้รักษาชื่อเสียงและคุณภาพของสินค้าอย่างซื่อสัตย์มาโดยตลอดแล้ว พวกเขายังแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตามความต้องการของยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอีกมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าถือ เนคไท น้ำหอม ผ้าเช็ดตัว และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล โดยไม่ทิ้งการผลิตอานม้าและผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ที่เกี่ยวกับการขี่ม้าสุดคลาสสิคที่ยังคงเป็นสินค้าสำหรับชนชั้นสูงมาจนปัจจุบัน นอกเหนือจากเครื่องใช้สำหรับการเดินทางที่มีชื่อเสียง ในส่วนของงานสิ่งทอ สินค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดของแอร์เมส คือ ผ้าพันคอไหม ซึ่งผลิตครั้งแรกในปีค.ศ. 1928 โดยได้รับแรงบันดาลมาจากผ้าพันคอของทหารในกองทัพนโปเลียน ซึ่งปัจจุบันมีขนาด 90 ตร.เซนติเมตร หนัก 65 กรัม ด้วยเส้นไหมคุณภาพสูงสุดจากรังไหมแท้ถึง 250 รัง และเทคนิคการทอแบบ16 รังไหม โดยช่างฝีมือชั้นสูง พิมพ์ลายด้วยการซิลสกรีนด้วยมือ ซึ่งในแต่ละผืนอาจมีถึง 30 กว่าสี จนได้รับความชื่นชมว่ามีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์เทียบชั้นได้กับงานศิลปะภาพพิมพ์ต่างๆ เป็นที่นิยมในหมู่คนดังและราชวงศ์รวมทั้งมหาเศรษฐีทั่วโลก
จึงไม่น่าแปลกใจที่ความต้องการของคนกลุ่มนี้จะทำให้ราคานั้นแพงแสนแพง ผ้าพันคอของแอร์เมสบางผืนจึงมีราคาเหยียบแสน และลูกค้าก็ไม่ใช่มนุษย์เดินดินทั่วไปหากเป็นคนดังระดับโลก อาทิ สมเด็จพระราชินีอลิซาเบทที่ 2 หรือสุภาพสตรีผู้เป็นตำนานอย่าง เจ้าหญิงเกรซ , ออเดย์ แฮปเบริน, แคทารีน เดอนูฟ, แจคกี้ โอนาซิส เรื่อยมาถึงคนดังร่วมสมัยอย่าง ชารอน สโตน, ซารา เจสสิก้า ปาร์คเกอร์, ฮิลลารี่ คลินตัน, แอล แมคเฟอร์สัน และมาดอนน่า ก็ล้วนแต่นิยมผ้าพันคอของแอร์เมส
และสำหรับหญิงสาวที่เป็นสาวกแฟชั่นตัวจริงของแอร์เมส คงพลาดไม่ได้ที่จะต้องมีกระเป๋ายอดฮิตตลอดกาลอย่างเบอร์กิ้น และเคลลี่ อยู่ในคอลเลคชั่นส่วนตัว เหตุที่กระเป๋าแบรนด์นี้โด่งดัง แพง แต่ขายดีตลอดกาล แต่ละใบต้องสั่งจองล่วงหน้าเป็นปีๆ ย่อมไม่ได้มาจากราคาคุยแน่ๆ แต่เป็นเพราะนอกจากจะตัดเย็บด้วยฝีมือและคุณภาพชั้นสูงแล้ว ยังมีบริการหลังการขายยาวนานอย่างเหลือเชื่อ หากกระเป๋าแอร์เมสใบที่ซื้อไปเกิดชำรุดขึ้นมา ทางเจ้าของแบรนด์จะส่งมันกลับไปซ่อมในโรงงานที่ฝรั่งเศส โดยฝีมือของช่างที่เป็นคนเย็บประเป๋าใบนั้นให้คุณ
ด้วยการรักษาคุณภาพทุกขั้นตอนเช่นนี้เอง เป็นคำตอบว่า เหตุใด ชื่อเสียงของแอร์เมสจึงยืนหยัดยาวนานอยู่ในใจผู้มีรสนิยมทั่วโลกมาโดยตลอด และหากพิจารณากันโดยละเอียดแล้ว การจ่ายเงินไม่ว่ามากหรือน้อยให้กับสินค้าชนิดใดแล้ว ทำผู้จ่ายรู้สึกว่าตนเองได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า สินค้านั้นก็ไม่ถือว่า 'แพง' เลยแม้แต่น้อย......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น