วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

กำจัด Baidu Faster ง่าย


Baidu pc Faster การทำให้เครื่องเราเร็วขึ้นไม่มีอยู่จริง

มีแต่ทำให้การโหลดเข้าเครื่องช้าลงๆทุกวัน และ ฝังตัวเองไปเรื่อยๆ ผมก็เพิ่งรู้ไม่กี่วันนี้เอง และวันนี้กำจัดมันออกไปได้แล้ว อย่างภาคภูมิใจ

อย่าเชื่อเชื่อว่าหลายๆคนคงอยากกำจัด  Baidu Faster  ไอ่เจ้าโปรแกรมตัวป่วน ที่แสนจะลบยาก มันมุดเข้าบ้านคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว ทำให้เครื่องโคตรหนัก เราเอาวิธีง่ายๆ มาจัดการมัน ก่อนจะบานปลาย ทำลายทุกสิ่งในคอมฯของคุณ

เชื่อว่าหลายๆคนคงเกลียดโปรแกรมนี้ เนื่องจากมีการฝังตัวใน Folder ของเราทุกอย่าง มุดเข้าดูทุกอย่าง ในคอมของเรา มันรู้ทุกอย่าง
การกำจัดนั้นยากมาก บ้างต้องใช้โปรแกรมช่วย บ้างต้องพึ่งหมอผี

ลบง่ายเพียงเข้าไปที่ Start > All Programs > Baidu PC Faster > Uninstall
 จากนั้นให้ดำเนินการตามขั้นตอนได้เลยครับ  ไปลบตรงนี้ก่อน

แล้วก็เข้ามาลบตรงนี้
ข้าไปที่ Control Panel > Add or Remove Programs(Windows XP) หรือ Programs and Features(Windows 7) > คลิกที่ Baidu PC Faster   แล้วกด Unitstall



วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

โค๊ดทำลิงค์ด้วยภาพ



1. ลิงค์ข้อความ คลิกแล้วเปลี่ยนหน้า ไปสู่่เพจที่เราต้องการ



Code<a href="ลิงค์เวปหรือลิงค์ไดอารี่">พิมพ์ข้อความ </a>



2.ดำพระราม2 am i  D2's AL.


Code<a href="ลิงค์เวปหรือลิงค์ไดอารี่" target="_blank"> พิมพ์ข้อความ </a>




3. ลิงค์รูปภาพ เมื่อคลิก จะเปลี่ยนหน้าจากภาพนี้เลย



Code<a href="ลิงค์เวปหรือลิงค์ไดอารี่"><img src="url ภาพ "</a>





4. ลิงค์รูปภาพ เมื่อคลิกแล้วจะขึ้นหน้าใหม่ ให้อีกหน้า



Code<a href="ลิงค์เวปหรือลิงค์ไดอารี่" target="_blank"><img src="url ภาพ"</a>








1. ใส่รูปภาพอย่างเดียว



<img src="XXX" "border=0">







2. ใส่รูปภาพพร้อมคำพูด

เมื่อนำเม้าส์ไปวางบนรูปจะมีข้อความปรากฎขึ้น



<img src="XXX" alt="ข้อความ">







3. ถ้าต้องการจัดตำแหน่งจัดกลางให้กับรูปภาพ

ให้ใส่คำสั่ง <center>.......</center> คร่อมลงไป



<center><img src="XXX" border=0></center>







4. ถ้าต้องการกำหนดความสูง และ กว้างของภาพ

ให้ใส่คำสั่งกำกับเพิ่ม



<img src=XXX border= XX height=XX width= XX>





คำอธิบาย



XXX แทนที่ด้วย url ของภาพ

ข้อความ = ข้อความที่ต้องการทำเป็นตัวเชื่อมโยง

border=XX ขนาดขอบของรูปภาพ แทนที่ด้วยตัวเลข

height=XX ความสูงของภาพ แทนที่ด้วยตัวเลข

width=XX ความกว้างของภาพ แทนที่ด้วยตัวเลข

(ถ้าไม่กำหนดหน่วยจะถือเป็น pixel)



ขนาดพิกเซลของภาพสามารถดูได้จากการคลิ๊กขวาที่ภาพ

แล้วเลือก Properties เหมือนตอนเราดู url ของภาพน่ะค่ะ

จะมี Size บอกขนาด(ความจุ)ของภาพ เป็น kb.



และ Dimensions บอกขนาดของภาพเป็นพิกเซลด้วย เช่น กว้าง X สูง pixels







Link : การใส่การเชื่อมโยงเพื่อลิงค์ไปยังเว็บอื่น ๆ

Code สร้างการเชื่อมโยง หรือ ลิงค์


1. สร้างลิงค์ด้วยข้อความ

<a href="http://XXX...URLของลิงค์ที่ต้องการ">ข้อความ</a>

แทนที่ http://XXX...URLของลิงค์ที่ต้องการ ด้วย URL ของลิงค์ที่ต้องการเชื่อมโยง
ข้อความ = ข้อความที่ต้องการทำเป็นตัวเชื่อมโยง



2. สร้างลิงค์ด้วยรูปภาพ (Banner)
*** โค๊ตนี้ใช้ใส่ภาพแทนลิงค์ไปยัง Pantown ในลายเซ็นต์ของเว็บ MomyPedia ได้ค่ะ ***

<a href="http://XXX...URLของลิงค์ที่ต้องการ" target=_blank><img src=XXX border=0 height=XX width=XX alt="ข้อความ"></a>


คำอธิบาย
<a href=http://XXX... ...URLของลิงค์ที่ต้องการ ใส่ URL ของเว็บที่ต้องการเชื่อมโยง
target=_blank คำสั่งนี้ใส่เพื่อให้เปิดลิงค์ที่หน้าต่างใหม่
<img src=XXX แทนที่ด้วย url ของภาพ
height = XX ความสูงของภาพที่ต้องการ
width = XX ความกว้างขอภาพที่ต้องการ
border = XX ความกว้างของขอบภาพ
alt= ข้อความ เมื่อนำเม้าส์ไปวาง



3. Link สำหรับ ส่ง Email ถึงเจ้าบ้าน
ที่จริงหน้าเว็บก็มีแล้ว แต่ก็เอาไปเผื่อต้องการให้ส่งอีเมลล์ไปยังอีเมลล์อื่น ๆ ที่ไม่ได้ให้ข้อมูลไว้กับ Pantown

ลิงค์ส่งอีเมลล์ด้วยข้อความ
<a href="mailto:...email address...">ข้อความ</a>

หรือใส่รูป
<a href="mailto:...emaik address..."><img src="XXX...URLของภาพ"></a>

คำอธิบาย
email address แทนที่ด้วย Email ของเราค่ะ
<img src=XXX แทนที่ด้วย url ของภาพ
ข้อความ = แทนที่ด้วยข้อความที่ต้องการ
โดย: เจ้าบ้าน [11 มี.ค. 52 2:52] ( IP A:58.9.151.146 X: )


ความคิดเห็นที่ 4
   Code ลิงค์แบนเนอร์ สำเร็จรูป ...

== BBL ธ.กรุงเทพ ==
<a href=https://ibanking.bangkokbank.com/BiB/index.html target=_blank><img src=http://www3.pantown.com/data/32438/board9/41.gif></a>


== K-Bank ธ.กสิกรไทย ==
<a href=https://ebank.kasikornbank.com/kcyber/login_th.html target=_blank><img src=http://www3.pantown.com/data/32438/board9/41-20090912231206.gif></a>


== SCB ธ.ไทยพาณิชย์ ==
<a href=https://www.scbeasy.com/v1.4/site/presignon/index.asp target=_blank><img src=http://www3.pantown.com/data/32438/board9/41-20090912231215.gif></a>


== KTB ธ.กรุงไทย ==
<a href=https://www.ktbonline.ktb.co.th/ibhtdocs/th_firstpageconsumer.html target=_blank><img src=http://www3.pantown.com/data/32438/board9/41-20090912231225.gif></a>


== Bay ธ.กรุงศรีฯ ==
<a href=https://www.krungsrionline.com/cgi-bin/bvisapi.dll/krungsri_ib/login/login.jsp target=_blank><img src=http://www3.pantown.com/data/32438/board9/41-20090912231231.gif></a>


== MomyPedia ห้องเปิดท้ายขายของ ==
<a href=http://community.momypedia.com/webboard_forum.aspx?fid=9 target=_blank><img src=http://www3.pantown.com/data/32438/board9/41-20090912231346.gif alt=MomyPedia_เปิดท้ายขายของ></a>


== Google Thai ==
<a href=http://www.google.co.th target=blank><img src=http://www3.pantown.com/data/32438/board9/41-20090912231319.gif></a>


==Thailand Post ==
<a href=http://track.thailandpost.co.th/trackinternet/Default.aspx target=_blank> <img src=http://www3.pantown.com/data/32438/board9/41-20090912231327.gif border=0></a>

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

นกกรงหัวจุก เสียงเพลงแห่งไพรพนา

ถิ่นกำเนิดและลักษณะของนกกรงหัวจุก

  • หากพูดถึงนกหัวจุก ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะชาวใต้ และพ่อค้าชาวจีน ตั้งแต่อดีต อาจย้อนไปได้ไกล 500 ปี หรือ 1000ปี ก็เป็นได้ ทุกวันนี้คนไทยเลี้ยงนกชนิดนี้เป็นการค้า และสะสม กระจายไปทั่วประเทศ ราคาแพง อาจเริ่มต้นที่เพียง 400 - หลักล้าน และบางสำนักมีการปั่นราคา และ หลอกลวงกันก็มี นักนิยมอนุรักษ์ รุ่นใหม่ๆไม่รู้ทัน แรกๆ จะโดนค่าครู เมื่อรู้แล้ว ก็จะเข้าใจไปเอง 
  • จริงๆแล้วนกชนิดนี้ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่คุ้มครองไว้ มิใช่กลัวจะสูญพันธุ์ แต่คุ้มครองไว้กลัวจะกลายพันธุ์ จนทำให้นกถิ่นเดิมสูญหายไป จนไม่อาจกำหนดได้ว่า ลักษณะเป็นเช่นไร มีคนแย้งในเรื่องกฏหมาย ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ไว้ว่า มาตรา 19 ,47 ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง..(สัตว์ป่าคือ สัตว์ที่เกิดในป่า สายพันธุ์และเลือดตรงกันกับสปี้ชี่ในป่า อย่างน้อย 3-5 ชั้น ถือว่าเป็นสัตว์ป่า)..ฝ่าฝืนระวางโทษจำคุกไม่เกิน4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    ม.4 สัตว์ป่าคุ้มครอง หมายความว่า สัตว์ป่าตามที่กฎกระทรวงกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
    และกรมป่าไม้ ก็ออกกฎกระทรวงประกาศให้ นกปรอดหัวโขนเคราแดง หรือ นกกรงหัวจุก( ชื่อนกกรงหัวจุกนี้ เกิดภายหลังชื่อนกปรอด คือ หลังจากเอามาเลี้ยงในกรงจนเรียกกันติดปากแล้วว่า "นกกรงหัวจุก" ซึ่งหมายความว่านกหัวจุกที่เลี้ยงในกรงไม่ใช่นกป่า กรมป่าไม้จึงมาประกาศเพิ่มเติมเมื่อ พ.ศ.2546 ในภายหลัง ซึ่งเดิมประกาศเพียงแต่ว่า "นกปรอดหัวโขนเคราแดง") เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกนก ลำดับที่ 580

  • ข่าวล่าสุดมีการยื่นหนังสือจาก สมาคมนกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย ชมรมนกกรงหัวจุก สมาพันธ์นกกรงหัวจุก และผู้รักนกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย กว่า500คน   นำโดย นายศราวุธ  วาหะรักษ์  โฆษกสมาคมนกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย  ยื่นข้อเรียกร้องให้กรมอุทยานฯปลดนกกรงหัวจุก  ออกจากรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 


ชื่ออื่นๆ นกกรงหัวจุก (ใต้) 
นกปรอดหัวโขนเคราแดง นกปรอดหัวจุก นกปรอดหัวโขน (กลาง) 
นกพิชหลิว นกปริ๊จจะหลิว( เหนือ) 

ชื่อวิทยาศาสตร์  Pycnonotus jocosus     


    สกุล Pycnonotus ซึ่งเป็นสกุลของนกปรอดสวน เป็นสัตว์คุ้มครองประเภทนกที่เพาะพันธุ์ได้ พบอาศัยอยู่ตั้งแต่ละแวกบ้านไปจนถึงบนยอดดอยสูงและตามป่าที่ราบต่ำ มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด ๓๖ ชนิด นกมีถิ่นอาศัยอยู่แถบเอเชียในกลุ่มประเทศที่มีอุณหภูมิร้อนชื้นสูง เช่น จีน อินเดีย อินโดฯ สิงคโปร์ ลาว กัมพูชา และไทย พบเห็นได้ทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะนกปรอดหัวโขนเคราแดง

 ตำนานนกกรงหัวจุก (นกปรอดหัวจุก)
ลีลาการร้องของสำนวนเสียง ในนกแต่ละตัวว่าใครจะเหนือกว่ากัน แต่ในสมัยก่อนของภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส กระบี่ นครศรีธรรมราช นิยมนำนกกรงหัวจุกมาชนกันหรือตีกันเหมือนกับการชนไก่ คือเอานกมาเทียบขนาดให้ใกล้เคียงกันแล้วจับใส่กรงกลางที่มีขนาดใหญ่แล้วปล่อยให้นกทั้งสองตัวไล่จิกตีกันภายในกรงจนกว่าจะรู้แพ้รู้ชนะ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่านกปรอดหัวจุก มีนิสัยดุร้ายและชอบไล่จิกและตีกัน ตามธรรมชาติอยู่แล้ว
     การแข่งขันนกกรงหัวจุกได้มาเปลี่ยนแปลงไปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2515 เพราะว่าชาวจังหวัดสงขลา มีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนจากการตีกันมาเป็นแบบแข่งขันประชันเสียง โดยเอาแบบมาจากการแข่งขันของนกเขาชวา คือนำนกป่าที่ต่อมาได้นำมาเลี้ยงและฝึกให้เกิดความเชื่องกับคนเลี้ยงหรือเชื่องกับผู้ที่เป็นเจ้าของ พร้อมกับฝึกให้นกมีความสามารถในการร้องในลีลาต่างๆ ตามแต่ที่นกในแต่ละตัวจะทำได้ และผู้เล่นนกกรงหัวจุกก็เริ่มเปลี่ยนการละเล่นที่นำนกมาตีกัน มาเป็นอย่างเดียวกันกบนกเขาชวา คือการเล่นฟังเสียงอันไพเราะของนก จากนั้นการแข่งขันประชันเสียงของนกกรงหัวจุกก็เริ่มมีผู้นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ. 2519 ที่สนามบริเวณหลังสถานีรถไฟเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งในการจัดครั้งนั้นถือว่าเป็นรายการใหญ่ที่สุดในยุคนั้น และได้ยกเลิกการแข่งขันนกกรงหัวจุกในแบบตีกัน ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ.2520 ทางจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดให้มีการรวมกลุ่มผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก โดยจัดตั้งขึ้นเป็นชมรม ซึ่งทำให้ทุกวันนี้มีชมรมต่างๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย
     กรุงเทพมหานคร ได้มีการเล่นนกกรงหัวจุก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2524 โดยมีกลุ่มคนทางภาคใต้นำเอากีฬาชนิดนี้เข้ามาเผยแพร่ให้เป็นทีรู้จักและได้จัดให้มีการแข่งขัน ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ตลอดสวนจตุจักร และนับแต่นั้นมากระแสความนิยมแข่งขันประชันเสียงของนกกรงหัวจุกก็ได้รับความนิยมสืบมาจนถึงปัจจุบัน
     นกกรงหัวจุก มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า นกปรอดหัวโขนเคราแดง หรือนกพิชหลิว ชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Pycnomotus Jocosus เป็นนกที่มีการคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 17 ให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้
     วงศ์สกุล (GENUS) ของนกปรอดมีมากมายหลายชนิด วงศ์นกปรอด (Family Pycnonotidae) เป็นนกที่มีชนิดมากที่สุด ซึ่งในแต่ละชนิดก็มีเป็นจำนวนมาก และที่ถูกค้นพบมากที่สุดคือประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนในประเทศไทยมีรายงานการค้นพบนกปรอดทั้งหมด ประมาณ 36 ชนิด โดยที่ปรอดทั่วโลกมีประมาณ 109 ชนิด
นกปรอดหัวจุกที่นิยมนำมาแข่งขันกันนั้น จะนิยมนำนกปรอดหัวโขนเคราแดง หรือที่ภาคใต้เรียกว่านกหัวจุก ภาคเหนือนิยมเรียกว่านกปริ๊จจะหลิวหรือพิชหลิว ส่วนในสายพันธุ์อื่นๆ นั้น ปัจจุบันยังไม่ปรากฏว่ามีการนำมาเลี้ยงเพื่อการแข่งขันประชันเสียงร้อง เช่นเดียวกับนกกรงหัวจุกแต่อย่างใด







วิธีดูเพศนก
นกกรงหัวจุกตัวผู้
หัวใหญ่ หน้าใหญ่ ขนคอขาวฟู ฐานจุกใหญ่ ปลายจุกโค้งไปด้านหน้าเล็กน้อย ดวงตาสดใส หมึกดำจะยาวกว่าตัวเมีย บางตัวปลายหมึกเกือบชิดกัน บัวแดงใหญ่ สีสดชัดเจน ข้อสังเกตุคือ ขนหัวปีกทั้งสองข้างมีสีแดงนิดหน่อยซึ่งตัวเมียไม่มี บริเวณขนหน้าอกหน้าท้องถ้าใช้ลมปากเป่าเบา ๆ จะเห็นขนอ่อนคลุมทั่วไป แต่ตัวเมียไม่ค่อยมี นกเก่งตอนยืนร้องจะเหยียดขาจนสุดข้อเท้า ปลายหางสอดใต้คอน ลีลาท่าเต้นงดงาม ร้องเป็นเพลงยาว ๆ มีจังหวะที่ดี 5-7 คำ
นกกรงหัวจุกตัวเมีย
หัวเล็ก หน้าเล็ก ขนคอเรียบ ๆ ฐานจุกเล็ก ปลายจุกโค้งไปด้านหลังหรือชี้ตรง หมึกดำมีไม่มาก บัวแดงเล็ก เรียบ ลีลาร้องไม่คึกคัก เพลงไม่ยาว มักร้อง 1 - 3 คำ ( ส่วนมาก 2 คำ )
นกปรอดหัวโขนที่ยังโตไม่เต็มวัยตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะคล้ายกันบริเวณหน้าผากและหงอนมีสีน้ำตาลอมดำ แต้มสีแดงใต้ตายังไม่ปรากฏ เห็นเพียงแก้มสีขาวใต้โคนหางก็เป็นสีชมพูจางๆ หรือสีส้มอ่อน ๆ ยังไม่แดงเข้มเท่ากับพ่อแม่ สำหรับแต้มสีแดงใต้ตาเป็นลักษณะเด่นของนกปรอดหัวโขน


ลักษณะทั่วไปของนกปรอดหัวโขนเคราแดง
   แก้มและคอจนถึงหน้าอกจะมีสีขาวและมีสีแดงเป็นเส้นอยู่ข้างหูลงมาถึงหน้าอกเหมือนเป็นเส้นแบ่งขนสีขาวกับสีดำที่มีอยู่ทั่วทั้งตัว ขนส่วนหัวจะร่วมกันเป็นเหมือนหน่อตั้งอยู่บนหัวสูงขึ้นไปเหมือนหัวโขน ใต้ท้องมีขนสีขาว นกปรอดหัวโขนเคราแดง หรือนกกรงหัวจุกนั้นทางภาคใต้นิยมเลี้ยงกันมายาวนานแล้ว และสืบทอดกันมาชั่วลูกหลานจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งจนเรียกได้ว่าการเลี้ยงนกกรงหัวจุกเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้านหรือเป็นเกมกีฬาอย่างหนึ่งของคนภาคใต้ไปแล้ว และไม่ปรากฏหลักฐานใดๆว่าคนทางภาคใต้เริ่มเลี้ยงมาตั้งแต่เมื่อใดแต่มีหนังสือนกกรงหัวจุกเล่มหนึ่ง โดยมีคุณศักดา ท้าวสูงเนิน เป็นบรรณาธิการ ได้รวบรวมและเขียนเอาไว้ว่า
 การเริ่มเลี้ยงนกปรอด ประเทศสิงคโปร์ น่าจะเป็นชาติแรกที่นิยมเลี้ยงนกปรอดก่อนประเทศอื่นๆ และได้ให้ความสำคัญกับนกชนิดนี้มาถึงกับเอารูปนกปรอดหัวโขนเคราแดงมาเป็นสัญลักษณ์ในการพิมพ์ธนบัตรใช้จ่ายภายในประเทศ ดังนั้น จึงขอสันนิษฐานว่าน่าจะเลี้ยงก่อนชาติอื่นๆ

ส่วนในประเทศไทยเริ่มมีการเลี้ยงนกกรงหัวจุกกันมานานแล้วประมาณว่าเกิน กว่40ปีมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาการเลี้ยงและการแข่งขันประชันเสียงออกเป็นชนิดต่างๆ เช่นมีทั้งการแข่งขันประชันเสียงในประเภทนับดอก คือให้คะแนนตามที่นกร้องออกมาเป็นคำละคะแนน ประเภทสากล ประเภทเสียงทอง และในปัจจุบันก็ไม่ปรากฏว่ามีการแข่งขันประเภทตีกัน 








 สูตรให้นกร้องเพราะ เสียงดี ตรงพยางค์






การฝึกฝนเพื่อการแข่งขัน
การที่จะนำนกมาฝึกฝนเพื่อการแข่งขันควรเป็นนกที่อายุไม่มากและไม่ควรจะเกิน 1ปี ถ้ายิ่งได้นกอายุ 2-3 เดือนมาฟูมฟักและเลี้ยงดูคู่กับนกใหญ่เสียงดี สำเนียงดี ลูกนก ( บางแห่งเรียกลุกใบ้ )ก็จะจดจำลีลาสำเนียงจากนก ใหญ่ที่ดีและเป็นผลดีกับผู้เลี้ยงเพื่อการแข่งขันอีกด้วยในการรักษาสายพันธุ์ของสายพันธุ์สำเนียงเสียง
การฝึกซ้อมนกปรอดหัวโขน เริ่มจากอาทิตย์แรกๆ ควร ซ้อมไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวันหลังจากพ้นหนึ่งเดือนไปแล้วก็เพิ่มเป็นวันละ 3 ชั่วโมง และต่อไปซ้อมวันละ 4 ชั่วโมง ช่วงเดือนที่สองและที่สามเราจะรู้ว่านกตัวไหนมีลีลาและสำเนียงเป็นเช่นไรเสียงผิดเพี้ยนหรือ ว่าไม่ ได้มาตรฐาน มีความตื่นตระหนกเวลาเคลื่อนย้ายและไม่ชินกับการเดินทางหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเราพาออกซ้อมกับนกบ้านอื่นแล้ว พบว่านกตัวนั้นหามีลีลาเป็นนักสู้แม้แต่น้อย คือ นกที่เป็นนกสู้จะออกท่าทาง ขึงขังกางปีกร้องท้าแล้วก็พองขน ถ้าไม่มีลักษณะนี้และฝึกฝนยังไงก็ไม่ดีขึ้น ควรแยกเอาไปอยู่ต่างหาก แต่ถ้านกตัวไหนทำสิ่งที่ตรงข้ามที่กล่าวมาข้างต้นถือว่าเป็นนกที่เริ่มสู้นก และมีแววเป็นนกแข่ง
สังเกตนกของเราว่าสู้นกอื่นมากขึ้นด้วยการยืนขึ้นด้วยการยืนระยะนานนั้นหมายถึงนกของเราพร้อมจะลง แข่งได้แล้ว ยิ่งนกเริ่มผลัดขนมีใจสู้นกตัวอื่น ๆ อย่างไม่เกรงกลัว นับเป็นนกลักษณะดี
สำหรับเทคนิคการดูระยะยืนของนกที่เริ่มหัดใหม่นั้นให้สังเกตตอนนำไปซ้อมกับนกตัวอื่นๆ ให้เช็คเป็นยกๆ ไป ยกละประมาณ 25-30 นาที ทำทั้งหมด 3 ยก หากนกของเราออกอาการสู้ด้วยท่าทางและสำเนียงเกิน 20 นาทีขึ้นไปก็ถือว่าใช้ได้และค่อนข้างดีทีเดียว ยิ่งสลับให้ไปประกบคู่กับนก ตัวใหม่แล้วนกของเรายังคงออกอาการสู้และส่งเสียงร้องเป็นจำนวน 3 ประโยคขึ้นไป ก็ควรทะนะถนอมให้ดี และควรหมั่นซ้อมเช่นนี้บ่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อจบยกสี่แล้วควรพักสัก 5 นาที แล้วเอานกเข้าไปซ้อมใหม่หากยังออกอาการเป็นนักสู้ด้วยลีลาและสำเนียงเสียง ของแต่ละบุคคล บางคนสืบทอดกันตระกูล การเลี้ยงนกชนิดนี้ จนเกิดความเชี่ยวชาญเลยก็ เข้าขึ้นหาตัวจับยากเลยก็มี และ มีลูกศิษย์ลูกหา คนเข้าคบค้าสมาคมมากมาย
 

แต่จริงๆแล้ว นกที่มันร้อง เพราะมันรู้สึกปลอดภัย จับเกาะแล้วจิงร้องอย่างมีความสุข เสียงนกที่ร้องจึงบ่งบอกถึงบทเพลงแห่งป่าและชีวิตที่แท้จริง มิใช่การจับมาขังกรงแต่อย่างใด  ธรรมชาติเป็นของทุกคน เราต้องช่วยกันดูแล แม้ชีวิตเล็กๆ ก็คือ 1 ชีวิต ถ้าเราให้เค้าอยู่กับธรรมชาติ คนอื่นๆจะได้ยินได้ยล ด้วยกัน ฯฯฯ สวัสดีครับ 

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

B-29 WW 2 Bomb

World War 2  Bomb


B-29 เป็นเครื่องบนลำเลียง ประจำการตั้งแต่ ปี 1941 จนถึง 1952 เป็นเครื่องบินลำเลียงที่ใช้ขนอาวุธหนักๆ รวมถึงระเบิดปรมาณู ถล่ม นางาซากิ และ ฮิโรชิมา ครั้งนั้น ในภาพจะเห็นว่า มันเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่2 คลีบที่ติดมากับระเบิด ทำให้มันสามารถทิ้งได้ไม่พลาดจากจุดหมายมากนัก














  • คนงานพบระเบิด ในสถานที่ก่อสร้างใกล้โรงแรมคอสโม สมัยก่อนเป็นพื้นที่หุบเขา ตำรวจกล่าวว่าระเบิดมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 ซม. รายงานเบื้องต้นบ่งชี้ว่านี่อาจจะเป็นระเบิดที่มีน้ำหนักถึง 900kg ปฏิบัติงานโดยกองทัพอากาศสหรัฐในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ในบริเวณนี้มักพบระเบิดฝังอยู่ทั่วไป ทั้งป่าและถนน หลังจากเราขุดลงไป  ทางการได้ปิดกั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ระเบิด ขึ้นอย่างแน่นหนา เพราะตรงส่วนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของถนนที่อยู่ด้านนอกโรงแรมคอสโมเลิกกิจการไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ใช้กำลังพลในการเก็บกู้ถึง 2,000 คน  เพื่อให้แน่ใจว่าชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในภูมิภาค ปลอดภัย
  • B-29 เทรสส์เป็นสี่เครื่องยนต์ใบพัดที่ขับเคลื่อนด้วย เครื่องบินทิ้งระเบิดหนักการออกแบบโดยโบอิ้งที่ได้รับการบินเป็นหลักโดยสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สองและในช่วงสงครามเกาหลี . มันเป็นหนึ่งในเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดที่จะได้เห็นบริการในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและเครื่องบินทิ้งระเบิดสูงมากในช่วงเวลาที่มีคุณสมบัติเช่นห้องโดยสารที่มีแรงดันระบบไฟควบคุมอิเล็กทรอนิกส์และการควบคุมระยะไกลเครื่องป้อมปืน ชื่อ "รส" ที่ได้มาจากที่ของบรรพบุรุษที่รู้จักกันดีการทำงานที่B-17 ป้อมบิน . แม้ว่าการออกแบบเป็นระดับสูงเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์และต้นที่ใช้ในบทบาทนี้กับจักรวรรดิญี่ปุ่น , การโจมตีเหล่านี้พิสูจน์แล้วว่าเป็นที่น่าผิดหวัง; เป็นผลมา B-29 กลายเป็นเครื่องบินหลักที่ใช้ในอเมริกันแคมเปญ firebombingและถูกใช้อย่างกว้างขวางในเวลากลางคืนระดับความสูงต่ำระเบิดก่อความไม่สงบภารกิจ หนึ่งในบทบาทสุดท้ายที่ B-29 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองได้ดำเนินการโจมตีระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ .
ซึ่งแตกต่างจากอื่น ๆ อีกมากมายระเบิดสงครามโลกครั้งที่สองยุค, B-29 ยังคงให้บริการเป็นเวลานานหลังจากสงครามสิ้นสุดลงมีไม่กี่แม้จะถูกใช้เป็นที่บินเครื่องส่งสัญญาณโทรทัศน์Stratovisionบริษัท B-29 ทำหน้าที่ในบทบาทต่างๆตลอดปี 1950 กองทัพอากาศบิน B-29 และใช้ชื่อวอชิงตันสำหรับประเภทแทนที่พวกเขาในปี 1953 กับเครื่องบินทิ้งระเบิดไอพ่นคันเบร์และสหภาพโซเวียตผลิตยานกลับวิศวกรรมสำเนาเป็นตูโปเลฟ Tu-4 . B-29 เป็นรากเหง้าของชุดของเครื่องบินทิ้งระเบิดที่โบอิ้งสร้างขึ้น, ลำเลียงบรรทุกเครื่องบินสอดแนมและครูผู้ฝึกสอนรวมทั้งB-50 เทรส ( เครื่องบินลำแรกที่จะบินรอบโลกไม่หยุด ) ซึ่งเป็นหลักอีกคู่ B-29 ประเภทในที่สุดก็เกษียณในปี 1960 เริ่มต้นที่มี 3,970 อากาศยานในทุกตัว ในขณะที่หลายสิบ B-29s มีชีวิตรอดถึงวันนี้คงที่แสดงเป็นเพียงหนึ่งFifi , ยังคงอยู่ในสถานะที่ใช้งานการบิน
การขนส่งมาจาก B-29 เป็นC-97บินเป็นครั้งแรกในปี 1944 ตามด้วยสายการบินที่แตกต่างกันในเชิงพาณิชย์ของโบอิ้งรุ่น 377 Stratocruiserในปี 1947 นี้มาทิ้งระเบิดที่สายการบินมีความคล้ายคลึงกับB-17 / รุ่น 307วิวัฒนาการ เรือบรรทุกน้ำมันที่แตกต่างกันของ B-29 ได้รับการแนะนำในปี 1948 เป็นKB-29ตามด้วยรุ่น 377-อนุพันธ์KC-97เปิดตัวในปี 1950 สายการปรับเปลี่ยนอย่างมากของสายพันธุ์โคร่ง-สินค้าของ B-29 มา Stratocruiser เป็นGuppy  / มินิกัพพี  / ซูเปอร์กัพพีซึ่งยังคงอยู่ในวันนี้ให้บริการกับผู้ประกอบการเช่นนาซา .

ผัดพริกอ่อน

                              เครื่องปรุง
น้ำมันดอกคำฝอย
หัวหอมแดง
กระเทียม
กะปิ
น้ำปลา 
ซีอิ๊วขาว
น้ำส้มเพื่อให้รสแหลม
น้ำตาล
พริกขี้หนูอ่อน
หมูหรือกุ้ง
                              Stir-fried Young Chilles
                              Ingredients
Safflower oil
shallots
garlic
shrimp paste
fish sauce or soy bean sauce formula 2 vinegar
sugar
young bird chillies
pork cut in small pieces
small shelled shrimps,cut up
                              วิธีทำ
ตำกระเทียมและหัวหอมแดงพอแหลก ไม่ต้องตำระเอียด ใส่กะปิคลุกและตำให้เข้ากัน เรียกว่าน้ำพริกทั้งๆที่ยังไม่มีพริก 
ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เปิดไฟแรงๆใก้กระทะร้อน ใส่น้ำพริกผัดจนเกือบไหม้ แต่ไม่ไหม้
ถ้าแห้งไปเติมน้ำล้างครกหรือน้ำซุป ใส่น้ำปลาที่ผสมไว้ ใส่หมูพอหมูสุกใส่กุ้ง พอกุ้งสุกใส่พริกขี้หนูอ่อน คลุกให้ทั่ว ตักใส่จานตกแต่งให้สวยงาม
                              Method
Pound garlic and shallots lightly in the mortar.Add shrimp paste .No need to pound too hard,just mix them well together.
We call this mix "chilli paste" even though there are no chillies. Put some oil in the pan,put the pan on the stove, over high heat and wait until the pan is hot. Cook the chill paste until it is nearly burnt ( but not burnt ).
If it is too dry put a teaspoonful of stock ( or water that was used to wash the mortar ). Add a bit of fish sauce. Put in the pieces of pork. When pork pieces are cooked, put in pieces of shrimps. When shrimps are cooked, add young chillies, stir well. Put on a plate. Decorate the plate with chillies.

ปลาช่อนอบ

                                                           เครื่องปรุง
ปลาช่อนแล่เป็นชิ้นเอาก้างออก
นมสด (สำหรับแช่ปลา)
เนยละลาย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ (สำหรับล้างปลา)
ขนมปังป่น
เนยขูดแข็ง
                                               วิธีทำ
นำชิ้นปลาที่ล้างน้ำเกลือแล้วแช่น้ำนมประมาณชั่วโมงหนึง แล้วเทนมทิ้ง ราดเนยละลายให้ทั่ว โรยขนมปังป่น และโรยเนยแข็งขูดอบไฟประมาณ 200 องศา จนสุกเหลืองประมาณ 25 นาที รับประทานกับข้าวคลุกน้ำปลา หรือซอสแม็กกี้ก็ได้
                                                Superfish in the Ocean of Milk
                                                 Ingredients
Pla Chorn, filleted and cut in pieces
fresh milk for drenching the fish
1 tablespoon of melted butter
salt (for washing the fish)
grated cheese
bread crumbs

                                                   Method
Wash pieces of fish in saline water. Put these pieces into fresh milk. Leave them for about an hour.Take the pieces of fish from the milk and put, in a flat bottomed bowl. Pour melted butter on the pieces of fish. Strew bread crumbs and grated cheese on top. Bake in preheated oven (200'c) until the crust turns golden (around 25 minutes). Eat with rice and season it with fish sauce or Maggi sauce.

อาหารไทย ที่ไม่อร่อย

ร้านไหนไม่อร่อย คนจะเข้าไม่เยอะ


กุรข่า Khukuri Knife

ตำนานนักล่าแห่งขุนเขา ผู้ไม่เคยไว้ชีวิตใครเลย ฆ่าด้วยมีด
KhuKuri  knife


ทหารกรุข่า ทหารที่โหดเเละเก่งที่สุดในโลก
 หนึ่งในทหารที่ชื่อเสียงดีที่สุดของโลก คือทหารกุรข่าของเนปาล ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอดทนและซื๋อสัตย์ ตลอด 200 ปีที่ผ่านมา มีแต่ทหารกุรข่าชายแต่ล่าสุด กำลังจะมีทหารกุรข่าหญิงแล้ว

คำที่ชาว โลกรู้กันดี คือ

"กรุข่าไม่เคยไว้ชีวิตเชลยในสนามรบแม้แต่คนเดียว จะฆ่าโดยการปาดคอ และ ตัดคอในที่สุด"

Khukri Blade
1.  Belly (Bhundi): Widest part/area of the blade.
2.  Bevel (Patti): Slope from the main body until the sharp edge.
3.  Bolster (Kanjo): Thick metal/brass round shaped plate between blade and handle made to support and reinforce the fixture.
4.  Butt Cap (Chapri): Thick metal/brass plate used to secure the handle to the tang.
5.  Cho/Notch (Kaudi): A distintive cut (numeric 3 like shape) in the edge functioned as a blood dropper and others.
6.  Edge (Dhaar): Sharp edge of the blade.
7.  Fuller (Chirra): Curvature/Hump in the blade made to absorb impact and to reduce unnecessary weight.
8.  Fuller/Groove (Khol): Straight groove or deep line that runs along part of the upper spine.
9.  Keeper (Hira Jornu): Spade/Diamond shaped metal/brass plate used to seal the butt cap.
10.  Main body (Ang): Main surface or panel of the blade.
11.  Peak (Juro): Highest point of the blade.
12.  Ricasso (Ghari): Blunt area between notch and bolster.
13.  Rings (Harhari): Round circles in the handle.
14.  Rivet (Khil): Steel or metal bolt to fasten or secure tang to the handle.
15.  Spine (Beet): Thickest blunt edge of the blade.
16.  Tang (Paro): Rear piece of the blade that goes through the handle
17.  Tang Tail (Puchchar): Last point of the khukuri blade.
18.  Tip (Toppa): Starting point of the blade.

Khukri Scabbard
1.  Chape (Khothi): Pointed mettalic tip of the scabbard.  Used to protect the naked tip of a scabbard.
2.  Frog (Faras): Belt holder especially made of thick leather (2mm to 4mm) encircling the scabbard close towards the throat.
3.  Lace (Tuna): A leather cord used to sew or attach two ends of the frog.  Especially used in army types (not available in this pic).
4.  Loop (Golie): Round leather room/space where a belt goes through attached/fixed to the keeper with steel rivets.
5.  Lower Edge (Tallo Bhag): Belly/curvature of the scabbard.
6.  Main Body (Sharir): The main body or surface of the scabbard.  Generally made in semi oval shape.
7.  Strap/Ridge (Bhunti): Thick raw leather encirlcing the scabbard made to create a hump to secure the frog from moving or wobbling (not available in this pic).
8.  Throat (Mauri): Entrance towards the interior of the scabbard for the blade.
9.  Upper Edge (Mathillo Bhaag): Spine of the scabbard where holding should be done when handling a Khukuri. 


Cho - also called a kauri or kaura. a small notch in blade near handle.
"It has various meanings according to various people. A few are: the clitoris of Kali, the penis of Shiva, Surya ra Chandra (sun and moon, symbols of Nepal), a "Kowdi" ('cow-track' because the cow is sacred to the Hindus), a blood drip, a substitute guard, and on and on and on. Take your pick. The true meaning has been lost in time so today it is anybody's guess". -Bill Martino






 ผู้หญิงเนปาลมากกว่า 600 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตสมาชิกกองโจรติดอาวุธของกบฏนิยมเหมา ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้ถูกกดดันให้วางอาวุธในกระบวนการสร้างสันติภาพกับรัฐบาล กำลังเข้าร่วมฝึกเข้มที่ค่ายฝึกทหารหลักของทหารกุรข่าแถบสถานตากอากาศ"โพคารา"ในเทือกเขาหิมาลัย




 พวกเธอหวังจะผ่านการสอบคัดเลือกอันเข้มงวดในฤดูร้อนปีนี้ เพื่อเข้าเป็นทหารในกองทัพอังกฤษ เพราะในช่วงสองสามเดือนข้างนี้ กองทัพอังกฤษจะจะมีการรับผู้หญิงเนปาล 50 คนเข้าเป็นทหารภายใต้โครงการนำร่อง ซึ่งมีขึ้นหลังจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษ เปลี่ยนกฏหมายเกณฑ์ทหาร ให้สอดคล้องกับการไม่เลือกปฏิบัติทางเพศ

 ผู้หญิงที่ได้รับเลือกไม่เพียงต้องสติปัญญาดี ร่างกายต้องฟิตด้วย เพราะในการประเมินผลซึ่งใช้เวลานาน 3 สัปดาห์ ผู้สมัครหญิงจะต้องผ่านการฝึกคัดเลือกที่โหดหินที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งต้องวิ่งขึ้นภูเขาหิมาลัยเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร โดยแบกหินหนัก 35 กิโลกรัมไว้บนหลัง..หลายคนบ่นว่าแค่หอบสังขาร วิ่งขึ้นภูเขาไกล 5 กิโลเมตรก็แทบตายแล้ว นี่ยังต้องแบกหินขึ้นไปด้วยอีกต่างหาก

สาววัย 19 ปีคนหนึ่งบอกว่า สาเหตุหลักที่อยากเข้ากองทัพอังกฤษคือเงินเดือน  เพราะชาวเนปาลทั่วไปมีรายได้เฉลี่ยแค่ 1 ดอลลาร์ หรือ 35 บาทต่อวัน แต่ถ้าเธอได้เป็นทหารอังกฤษ เธอจะได้เงินมากกว่าเดิมถึง 20 เท่า เธอมองว่าในที่สุดผู้หญิงก็ได้โอกาสเท่าเทียมผู้ชาย นับเป็นช่วงประวัติศาสตร์สำหรับผู้หญิงเลยทีเดียว

 กระทรวงกลาโหมอังกฤษว่าจ้างทหารกุรข่าปีละ 230 นาย และปัจจุบันมีทหารกุรข่าชาย 3,500 นายอยู่ในกองทัพอังกฤษ ซึ่งส่วนหนึ่งปฏิบัติภารกิจอยู่ที่อิรักและอาฟกานิสถาน ขณะที่ในช่วงสงครามโลกทั้ง  2 ครั้ง มีทหาร    กุรข่าพลีชีพ 43,000 นาย และมี 26 นายได้เหรียญกล้าหาญวิคตอเรีย   ครอส ซึ่งเป็นเหรียญกล้าหาญชั้นสูงสุดของอังกฤษ มากกว่าทหารหน่วยอื่นๆของอังกฤษทั้งหมด เพราะพวกเขาถือคติว่า" ตายดีกว่าอยู่อย่างขี้ขลาด" ...ข้าน้อยขอคารวะ

 นักรบกรุข่าเคยรบกับอังกฤษ เเต่อังกฤษเอาชนะไม่ได้ เลยกลอมเอามาเป็นพวกเเทน เเล้วก็ได้ผล อังกฤษนิยมใช้พวกกรุข่าไปรบในเเดนอันตรายๆ เพราะพวกกรุข่าใจถึง ยอมตายดีกว่าเเพ้เพราะถือว่าเสียเกียรติ์ เเละมีเรื่องเล่าขำๆเกี่ยวกับสงครามเกาะฟอกเเลนด์(อังกฤษรบกับอาเจติน่า) ว่าตอนเเรกทหารอาเจนติน่าไม่ยอมเเพ้ พออังกฤษส่งทหารกรุข่าไป ทหารอาเจนติน่ารีบยอมเเพ้กับทหารอังกฤษกันเป็นเเถว เพราะพวกกรุข่ามีชื่อเสียงว่ารบเก่ง ไม่นิยมจับเฉลย ถ้าถูกจับได้จะต้องถูกตัดคอทุกคน(เป็นธรรมเนียมของกรุข่า)

  • หลักการใช้มีดกุรข่า จะใช้มี 2 วิธี  

1.ควรจับมีดให้ร่นมือมาสุดตรงปลายด้ามมีด นิ้วชี้วางกระชับตรงร่องเก็บเลือด ไม่ควรจับให้ล้ำไปทางด้านหน้าเพราะปลายด้ามจะงัดข้อมือเจ็บ.

2.เวลาฟัน ต้องระวังปลายมีดแว้งมาโดนขาหรือหัวเข่า เวลาฟัน ไม้ให้ขาด ควรวางระยะฟันปรับเฉียงนิ๊ด  ควรวางปลายเท้าให้เหมาะกับต้นไม้ที่เราจะฟัน ถ้ามีต้นไม่ที่เราจะตัดอยู่ตรงหน้า ถ้าถนัดขวาให้วางเท้าซ้ายตรงกับต้นไม้ครับ เวลาฟันแล้วมีดจะไม่แว้งมามาโดนขาหรือเข่าของเรา 

มีดที่ดีแค่ไหนถ้าเราไม่คุ้นเคยกับน้ำหนักของมัน พอใช้งานจริงๆ มีโอกาสพลาดได้ครับ
 ผู้หญิงที่ได้รับเลือกไม่เพียงต้องสติปัญญาดี ร่างกายต้องฟิตด้วย เพราะในการประเมินผลซึ่งใช้เวลานาน 3 สัปดาห์ ผู้สมัครหญิงจะต้องผ่านการฝึกคัดเลือกที่โหดหินที่สุดแห่งหนึ่งของโลก คือดึงข้อบาร์เดี่ยว (high beam) 14 ครั้ง , กระโดดขึ้นลงม้านั่ง (bench jump) 75 ครั้งใน 1 นาที, ซิท-อัพ (sit-ups) 70 ครั้งใน 2 นาที อุดฟันไม่เกิน 2 ซี่ และมีฟันห่างหรือฟันหลอไม่เกิน 2 ตำแหน่ง ผ่านการทดสอบการมองเห็น-การได้ยิน สื่อสารภาษาอังกฤษคล่องและต้องทำข้อสอบภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ที่แสนยาก  รวมทั้งต้องวิ่งขึ้นภูเขาหิมาลัยเป็นระยะทาง3ไมล์( 4.8 กิโลเมตร) โดยแบกหินหนัก 22.7กิโลกรัมไว้บนหลัง หลายคนบ่นว่าแค่หอบสังขารวิ่งขึ้นภูเขาไกล 5 กม.ก็แทบตายแล้วนี่ยังต้องแบกหินขึ้นไปด้วยอีกต่างหาก

สาววัย 19 ปีคนหนึ่งบอกว่า สาเหตุหลักที่อยากเข้ากองทัพอังกฤษคือเงินเดือน  เพราะชาวเนปาลทั่วไปมีรายได้เฉลี่ยแค่ 1 ดอลลาร์ หรือ 35 บาทต่อวัน แต่ถ้าเธอได้เป็นทหารอังกฤษ เธอจะได้เงินมากกว่าเดิมถึง 20 เท่า เธอมองว่าในที่สุดผู้หญิงก็ได้โอกาสเท่าเทียมผู้ชาย นับเป็นช่วงประวัติศาสตร์สำหรับผู้หญิงเลยทีเดียว ผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้เงินเดือนขั้นต้น1,000 ปอนด์ (ประมาณ53,000 บาท) ซึ่งมีการประกันว่า จะไม่ตกงาน 15 ปีพร้อมการเลื่อนขั้น ได้บำนาญ และที่สำคัญที่สุดคือ ได้พาสส์ปอร์ตเป็นคนอังกฤษ ทหารกูรข่าผู้หญิงจะได้รับการทำงานในหน่วยวิศวกรรม สื่อสาร และส่งกำลังบำรุง ไม่ต้องเป็นพลปืน

 ทีนี้ทำไมทหารกูรข่าจึงกล้าหาญมากๆ นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ ผู้เขียนบทความได้ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้คล้ายทหารสวิสซึ่งเป็นนักรบรับจ้างมาก่อนเช่นกัน กลไกที่เป็นไปได้คือ
(1) ชาติที่เป็นคนภูเขามีแนวโน้มจะรบเก่ง เมื่ออังกฤษยึดพม่าได้ก็จ้างกะเหรี่ยงเป็นนักรบคล้ายๆ กัน แต่ไม่เหมือนกันกัน เพราะเป็นการจ้างเฉพาะที่ ไม่ได้ใช้รบไปทั่วโลกนาน 200 ปีแบบกูรข่า
(2) คนกูรข่ามีธรรมเนียมว่า "ตายเสียดีกว่าขี้ขลาด" ปลูกฝังมาแบบนี้หลายๆ ชั่วอายุคน ทำให้เกิดโปรแกรมฝังลึกทางวัฒนธรรมประเภท "ต้องรบ หรือไม่ก็ตาย ขายหน้าไม่ได้" และโดยปกติจะไม่ไว้ชีวิตเชลยจะสังหารด้วยการตัดคอ
(3) ประวัติที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ แม้จะรบแพ้ในAnglo-Nepalese(1814-1816)แต่ก็จบลงด้วยการทำสนธิสัญญา Sugauli(สูญเสียดินแดนไปบางส่วนแต่ก็รักษาเอกราชไว้ได้)และอังกฤษยอมรับในฝีมือจนจ้างมาเป็นทหาร ทำให้ชาวกูรข่าภาคภูมิใจ
 (4) ผลตอบแทนที่ได้คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงเกียรติยศ รายได้ โอกาสในชีวิตอีกมากมาย เช่น มีโอกาสขอสัญชาติอังกฤษได้ในอนาคต ฯลฯ ผลตอบแทนนี้แรงมากเมื่อเทียบกับการอยู่ในเนปาล ซึ่งหางานทำยากมากๆ
(5) การที่กองทหารกูรข่ามาจากคนชาติพันธุ์เดียวกัน ทำให้ต้องรบเต็มที่ เพราะมีส่วนทำให้คนอื่นที่เป็นชาติพันธุ์เดียวกันรอดตาย หรือคนรุ่นต่อไปมีโอกาสหารายได้จากกองทัพอังกฤษ หรือประเทศอื่นๆ ต่อไป
(6) เดิมเนปาลมีวรรณะ สูงสุดคือพราหมณ์ รองลงไปคือกษัตริย์ โดยเฉพาะถ้าบรรพบุรุษเป็นวรรณะกษัตริย์ = นักรบแล้ว การได้เป็นทหารถือว่า มีเกียรติสมกับที่เป็นคนจากวรรณะกษัตริย์ หรือถ้ามาจากวรรณะต่ำกว่าก็เท่ากับได้เลื่อนชั้นวรรณะ โดยสมเด็จพระราชินีอังกฤษทีเดียว

 รายได้เฉลี่ยต่อหัวในเนปาลอยู่ที่ 873ปอนด์/ปี = 60,495บาท/ปี = 5,041 บาท/เดือน (ข้อมูลปี2555อ้างอิงจากhttp://www.dtn.go.th/ ) เงินเดือนทหารอังกฤษเริ่มต้นที่ 17,000 ปอนด์/ปี (อ้างอิงจากhttp://www.armedforces.co.uk/armypayscales.htm)
 =791,097บาท/ปี =65,924.75บาท/เดือน ซึ่งมากกว่ารายได้ชั้นดีในเนปาลประมาณ13เท่า

 อาจารย์กฤษณะ กุมาร์ ปัน ทหารผ่านศึกกุรข่า เจ้าของโรงเรียนติวสอบกูรข่าในกาฏมัณฑุให้สัมภาษณ์ว่า เงินบำนาญที่ได้ (น้อยกว่าทหารอังกฤษอย่างน้อย 6 เท่า) จริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยพอใช้ เนื่องจากบำนาญไม่ได้ปรับตามภาวะเงินเฟ้อ   นอกจากนั้นเรื่องสำคัญคือ อะไรๆ ในอังกฤษก็ฟรี ตั้งแต่ค่าเล่าเรียนฟรี ค่ารักษาพยาบาลไม่แพง (เป็นระบบร่วมจ่าย คือ รัฐบาลจ่ายส่วนหนึ่ง คนไข้จ่ายส่วนหนึ่งสมทบกัน)